หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ ...

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ ...

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ ...

หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"...

หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"...

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"...

หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"...

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ ...

หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ ...

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก28วันเพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงานครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก“มีอาการก็แค่กินยา”ตามรายงานพบว่าเมื่อวันที่1พฤษภาคม2565นายเอ(นามสมมุติ)ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีนวางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี(นามสมมุติ)แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงานเมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องอาการป่วยของเธอทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าวเมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุพบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้านเขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนักเพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดาเขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักจนกระทั่งอายุ30เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงานแต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายสุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบีอายุ32ปีซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกันหลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใครอย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนายเอสถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อยเนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามในการพบกันครั้งแรกนายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันทีครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกันดังนั้นเวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมากพบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรสมีระยะเวลาเพียง21วันเท่านั้นก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกันโดยตั้งใจจะจัดในวันที่1พฤษภาคม2565ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด200,000หยวน(ประมาณ1ล้านบาท)แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วยอย่างไรก็ดีในวันที่30เมษายน2565หรือในวันก่อนวันแต่งงานทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงานขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจู่ๆนางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเองเธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคนครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ไม่คาดคิดว่าจู่ๆผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า"ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลาก็ไม่เป็นไรแล้ว"ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่านางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราวพวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงานเพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันอย่างไรก็ตามนานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนามแต่เป็นอาของเขาและเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดีเนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูลครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้วทางด้านแม่ของนางสาวบีกล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้วตอนนี้หากนายเอต้องการหย่าร้างชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหายเธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิตแค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้นอย่างไรก็ดีเมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตนายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิมแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันทีในท้ายที่สุดด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความนายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดีหากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆนายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"...